ภาพจาก https://methinee018.wordpress.com/2015/08/28/stem-education/
สะเต็มศึกษาเป็นการเรียนรู้แบบบูรณาการ
ที่ใช้ความรู้และทักษะในด้านต่างๆ ผ่านการทำกิจกรรม(activity
based)หรือการทำโครงงาน(project based)ที่เหมาะสมกับวัยและระดับชั้นของผู้เรียน
การเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา ดังกล่าวนี้จะช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการคิด
ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ทักษะการแก้ปัญหา และทักษะการสื่อสาร
ซึ่งทักษะดังกล่าวนี้เป็นทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่21ที่ผู้เรียนพึงมี
นอกจากนี้ผู้เรียนยังได้ความรู้แบบองค์รวมที่สามรถนำไปเชื่อมโยงหรือประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
ผู้สอนทั้งหลายอาจจะมีความกังวลกับการนำสะเต็มศึกษาเข้าสู่การจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน
เนื่องจากไม่ทราบว่าจะมีแนวปฏิบัติหรือวิธีการดำเนินการอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้การจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษาตามแนวทางของสสวท.นั้น
เน้นรูปแบบของการบูรณาการซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้สอนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
เนื่องจากการจัดการเรียนรู้ตามแนวพระราชบัญญัติการศึกษา พุทธศักราช 2542 มุ่งเน้นให้มีการจัดการเรียนรู้แบบองค์รวม โดยมีการบูรณาการความคิดรวบยอด
กระบวนการจัดการเรียนรู้และทักษะด้านต่างๆ ให้เหมาะสมกับแต่ละระดับการศึกษา
รวมทั้งเชื่อมโยงความรู้ไปสู่การนำไปใช้ในชีวิตจริง
การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการจะช่วยลดความซ้ำซ้อนของเนื้อหาวิชาต่างๆ
สามารถยืดหยุ่นเวลาในการจัดการเรียนรู้ได้หลากหลาย
และผู้เรียนได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจเพิ่มขึ้น
บูรณาการคืออะไร บูรณานาการ(Integration) หมายถึงการนำศาสตร์สาขาวิชาต่างๆที่มีเนื้อหาสัมพันธ์เกี่ยงข้องกันมาจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในลักษณะของการผสมผสานเข้าด้วยกัน
เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและสภาพชีวิตจริงของผู้เรียน
บูรณาการทำได้อย่างไร
การบูรณาการสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การบูรณาการเนื้อหา (Integration of
subject areas) การบูรณาการกระบวนการเรียนรู้(Integration of
learning process) และการบูรณาการเป้าหมายของการเรียนรู้(Integration
of learning outcome)เป็นต้น ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1.การบูรณาการเนื้อหา
เป็นการนำเนื้อหาของสาระต่างๆหรือ ระหว่างกลุ่มสาระมาสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน
เชื่อมโยงเป็นเรื่องเดียวกัน โดยอาจกำหนดหัวข้อหรือหัวเรื่องมาเป็นประเด็นปัญหา
แล้วนำเนื้อหาต่างๆ ที่เกี่ยงข้องกับหัวเรื่องหรือหัวข้อนั้นมาผสมผสานกันโดยใช้ทักษะต่างๆ
เข้ามาเชื่อมโยง เพื่อให้ผู้เรียนได้ความรู้ ทักษะ และเจตคติตามที่ต้องการ
2.การบูรณาการกระบวนการเรียนรู้ เป็นการนำรูปแบบและวิธีการต่างๆ
ของการถ่ายทอดความรู้ของผู้สอนมาผสมผสานเข้าด้วยกันในการจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียน
หรือการจัดให้ผู้เรียนได้สามารถแสวงหาความรู้จากกระบวนการและวิธีการต่างๆ
เพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้
โดยผู้สอนอาจกำหนดหัวข้อหรือหัวเรื่องเป็นประเด็นในการศึกษา
แล้วดูว่าในประเด็นที่จะศึกษานั้นมีเนื้อหาอะไรบ้างและแต่ละเนื้อหาจะสอนด้วยวิธีใด
3.การบูรณาการเป้าหมายของการเรียนรู้ เป็นการบูรณาการที่ยึดเป้าหมายของการเรียนรู้เป็นหลัก
โดยผู้สอนอาจกำหนดหัวข้อหรือหัวเรื่องเป็นประเด็นศึกษา
แล้วดูว่าในประเด็นที่จะศึกษานั้นมีเป้าที่ต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับอะไร
จากนั้นก็นำเนื้อหาต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับประเด็นที่จะศึกษานั้นมาผสมผสานเชื่อมโยงกัน
โดยมีเป้าหมายของการเรียนรู้เป็นเรื่องเดียวกัน
จากที่กล่าวมาแล้วนั้นผู้สอนสามารถเลือกรูปแบบการบูรณาการไปใช้ได้ตามความเหมาะสมของเนื้อหาหรือตามสภาพแวดล้อมและความสอดคล้องที่เป็นจริงในโรงเรียน
โดยสิ่งที่ควรคำนึงจากการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อผู้เรียนดังนี้
1.จัดการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
โดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ให้มากที่สุด
2ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ร่วมทำงานกลุ่มด้วยตนเอง
โดยจัดกิจกรรมต่างๆให้หลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการทำงานด้วยกัน.
3.จัดประสบการณ์ตรงให้แก่ผู้เรียนโดยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากสิ่งที่เป็นจริงที่เกิดขึ้นจริงในชีวิต
และสามารถนำความรู้นั้นไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
4.จัดบรรยากาศในชั้นเรียนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความกล้าในการแสดงออก
โดยผู้สอนต้องเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แลกเรียนความคิดเห็นกับผู้อื่นในกลุ่ม
และในชั้นเรียนสม่ำเสมอ
เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เรียนในการกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมา
5.ปลูกฝังจิตสำนึก
ค่านิยม และจริยธรรม ที่ถูกต้องและดีงาม โดยสอดแทรกในกระบวนการจัดการเรียนรู้
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถแยกแยะความถูกต้องและดีงามในการดำรงชีวิตในสังคมได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น